Google Trends

ในยุคที่อินเทอร์เน็ตถูกใช้งานเป็นสื่อกลางของ การสื่อสาร ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนเป็นอย่างมาก ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมักไหลไปมาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เคยนิยม และเป็นประเด็นในอาทิตย์ อาทิตย์ถัดมาอาจถูกลืม หรือไม่ถูกพูดถึงแล้วก็ได้ ด้วยข้อมูลและเทรนด์ที่มีความรวดเร็วเช่นนี้ จะดีแค่ไหนหากเราสามารถจับทุกเทรนด์ฮิตบนโลกออนไลน์และรับรู้ Insights ของเหล่าลูกค้าของเราว่า ในพื้นที่นั้น ๆ กำลังนิยมสิ่งไหนอยู่ ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถทำอย่างนั้นได้แล้ว ด้วยเครื่องมือที่มีชื่อว่า Google trends ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกคิดค้นด้วย Google ที่จะคอยช่วยในการจับเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ทำงานสายคอนเทนต์ หรือแม้แต่การทำการตลาดออนไลน์เองก็ตาม ที่สำคัญ คือสามารถใช้งานได้ฟรีด้วยอีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราลองมาทำความรู้จักกับ Google Trends เว็บไซต์น้องน้อยจาก Google กันดีกว่า ว่าเจ้าเครื่องมือตัวนี้คืออะไร และมีความสามารถอะไรบ้าง

Google Trends คือ

Google Trends คือ เครื่องมือที่ถูกสร้างจาก Google ถูกผลิตออกมาเพื่อช่วยเหลือการตรวจสอบความนิยม ของคีย์เวิร์ดบนโลกออนไลน์ โดยที่คีย์เวิร์ด นั้นจะเป็นคำว่าอะไรก็ได้ เช่น ชื่อสินค้า ชื่อบุคคล หรืออาจจะเป็นชื่อเว็บไซต์ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบความนิยมเหล่านี้ตามตำแหน่งที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ระดับโลก เทรนด์ระดับประเทศ หรือเทรนด์ระดับจังหวัด อีกทั้งเรายังสามารถดูเทรนด์ยอดฮิตรายวันได้อีกด้วย หรือแม้แต่ย้อนดูความนิยมในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเพื่อวิเคราะห์โอกาสเติบโตของสิ่งเหล่านั้น โดยข้อมูลที่จะสามารถสืบค้นผ่าน Google Trends ได้นั้นคือตัวเลขสถิติต่าง ๆ ซึ่งจะถูกแสดงผ่านการกรอง ซึ่งอาจจะเป็นคำค้นหาหรือหัวข้อที่เรากรอกลงไป ตัวอย่างเช่นคุณอาจค้นหา “อาหารแมวไม่เค็ม” คุณก็สามารถนำคีย์เวิร์ดเหล่านี้เข้าไปค้นหา จากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีระบบก็จะแสดงค่าข้อมูลที่สามารถอ่านได้อย่างละเอียด ตั้งแต่ประเทศที่เราต้องการสืบค้น ระยะเวลาประวัติข้อมูลย้อนหลัง หมวดหมู่ความสนใจ และประเภทของการค้นหาซึ่งมีทั้งหมด 5 ประเภท

  1. ค้นหาผ่านเว็บ (Web Search)
  2. ค้นหาด้วยภาพ (Image Search)
  3. ค้นหาข่าวสาร (News Search)
  4. Google Shopping
  5. ค้นหาผ่านยูทูบ (YouTube)

นอกจากนี้ยังกำหนดแตกย่อยลงไปเป็นระดับจังหวัดเพื่อข้อมูลที่แคบลง รวมถึงดูข้อมูลหัวข้อที่เกี่ยวข้อง (Related Topics) และคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง (Related Queries) และสามารถเปรียบเทียบข้อมูลที่ต้องการวิเคราะห์ได้อีกด้วย

วิธีการใช้ Google Trends เบื้องต้น

  1. เข้าที่เว็บไซต์ https://trends.google.com/trends/? geo=TH จาดกนั้น ระบุ Search Term ที่ต้องการดูข้อมูล ซึ่งสามารถใส่เปรียบเทียบได้สูงสุด 5 คำต้องใช้ Search Term ที่เฉพาะเจาะจงในระดับหนึ่ง ซึ่งหากเห็นว่าผลลัพธ์ดูไม่ควรจะเป็นอย่างที่เห็นแล้ว อาจจะต้องเปลี่ยน Search Term ใหม่
  2. ระบุ ประเทศ ที่เราต้องการข้อมูล เช่น ต้องการดูข้อมูลการค้นหาที่มีคำว่า “แมวส้ม” เฉพาะในประเทศไทย เป็นต้น
  3. ระบุช่วงเวลาที่ต้องการดู สามารถดูย้อนหลังได้ตั้งแต่ปี 2004 หากเป็นกลุ่มคำใหม่ที่ไม่เคยมีการค้นหาในอดีต แนะนำให้ลดช่วงเวลาเหลือ 3 เดือนล่าสุด หรือ 1 เดือนล่าสุด จะทำให้เห็นกราฟได้ชัดเจนกว่า
  4. ระบุหมวดหมู่ที่ต้องการดู ซึ่งตรงนี้แล้วแต่จุดประสงค์ที่จะนำไปวิเคราะห์ใช้งานกัน
  5. ระบุแหล่งค้นหา เช่น Web search, News search, Youtube search หรือ Google Shopping ข้อมูลที่ได้ก็จะถูกฟิลเตอร์จากแหล่งที่มาที่เราระบุไว้

 

Google Trends

 

ประโยชน์ของการใช้ Google Trends ต่อการตลาดออนไลน์

นอกจากจะเป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ฟรี เข้าถึงได้ง่าย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจแบบหลากหลาย รวมถึงเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับในหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ นักเขียน คนทำธุรกิจค้าขาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องมีตัวนี้ มีประโยชน์ต่อการทำงานของ SEO และนักการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก โดยสามารถอำนวยความสะดวก และเป็นประโยชน์ดังต่อไปนี้

Google Trends และการใช้สำหรับธุรกิจ

สามารถเครื่องมือนี้ เพื่อตรวจสอบเทรนด์การค้นหาของสินค้าที่กำลังพิจารณาเพื่อนำมาขาย หรือกำลังขายอยู่ เพื่อพิจารณาตัดสินใจในการนำเข้า หรือวางแผนระบายสต๊อก สามารถตรวจสอบการรับรู้และความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าใหม่ หรือแบรนด์ใหม่ผ่าน Google Search ใช้ตรวจสอบเทรนด์การค้นหาของสินค้า เพื่อเป็นการเพิ่มข้อมูลในการทำธุรกิจ และเปรียบเทียบกับคู่แข่งในเชิงของการรับรู้แบรนด์ และความสนใจในการหาข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์

Google Trends และการใช้สำหรับทำคอนเทนต์ตามกระแส

เราสามารถใช้ฟีเจอร์ Trending Searches มาช่วยเพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่กำลังฮิตติดเทรนด์ในตอนนี้ อาจจะเป็นคำค้นหาจากข่าวดัง ๆ หรือเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ซึ่งสำหรับใครที่อยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านจากแหล่งที่มาที่ไปได้ โดยฟีเจอร์ในส่วนนี้ทำให้เราเห็นภาพรวมว่าคนกำลังสนใจอะไร จึงสามารถนำมาใช้ในการช่วยในการทำคอนเทนต์แบบเกาะกระแสได้

ยกตัวอย่าง ในช่วงต้นเดือน หรือวันที่ 16 ที่เป็นวันหวยออก หากเราเปิดร้านอาหารเครื่องสำอาง ก็อาจจะสร้างคอนเทนต์เพื่อเกาะกระแส ด้วยการสร้างแคมเปญ หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เช่น เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย ถึงไม่ถูกหวย แต่ต้องสวยไว้ก่อน เป็นต้น ซึ่งการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบการเกาะกระแสนี้จะช่วยเพิ่มยอด Traffic ไหลเข้ามาในเว็บไซต์ตามคีย์เวิร์ดนั้น หรือถ้าเป็นในฝั่ง Social Media การทำคอนเทนต์ในลักษณะนี้ก็จะช่วยเพิ่มยอดการว่าจ้างให้มากขึ้นนั่นเอง

Google Trends และการใช้ทำคอนเทนต์ตามเทศกาล

โดยคีย์เวิร์ดประเภทนี้จะมีปริมาณการค้นหาเยอะเป็นบางช่วง เช่น คำว่า “ที่พัก เขาใหญ่” ถ้าเราลองสังเกตดูจะเห็นว่าช่วงที่มีปริมาณการค้นหาเยอะ ๆ จะเป็นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี หรือในช่วงหน้าหนาว ดังนั้นเราก็อาจจะทำคอนเทนต์ในคีย์เวิร์ดนี้ก่อนที่จะถึงเทศกาลการค้นหาก่อนสัก 1-2 เดือนล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาในการทำอันดับล่วงหน้า โดยเราสามารถใส่ คีย์เวิร์ดลงในช่องค้นหา จากนั้นก็เลือกช่วงเวลาที่เราต้องการดูข้อมูลได้เลย โดย Google Trends นั้นสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา ย้อนยาวไปจนถึงปี 2004 เลยทีเดียว ถ้าทำได้อย่างถูกต้อง คุณจะสามารถเข้าถึง กลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างตรงเวลาเลยทีเดียว

Google Trends และการช่วยเลือก Keyword ในการทำคอนเทนต์

สามารถใช้ฟีเจอร์ Compare มาใช้เปรียบเทียบความนิยมในการค้นหาได้ เช่น เราอยากรู้ว่า “ที่พัก เขาใหญ่” กับ “โรงแรม เขาใหญ่” คำไหนคนค้นหาเยอะกว่า ก็สามารถนำ 2 คำนี้มาเปรียบเทียบกันได้เลย

Google Trends และการหาไอเดียทำคอนเทนต์ 

ในกรณีที่คิด คอนเทนต์ ไม่ออก สามารถใช้ Related Topics และ Related Queries เพื่อหาคำและหัวข้อต่าง ๆ ที่คนสนใจได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้เราสามารถวิเคราะห์คีย์เวิร์ดได้แบบลงลึกมากยิ่งขึ้น เช่น ถ้าคีย์เวิร์ดหลักเราคือ ที่พัก เขาใหญ่ เมื่อลงมาดู Related Topics และ Related Queries ก็จะเห็นคีย์เวิร์ดในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราสามารถนำคำค้นหาเหล่านี้มาแตกย่อยออกเป็นหัวข้อคอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้แบบไม่รู้จบเลยค่ะ

Google Trends และการช่วยในการทำ Local SEO

ถ้าเราอยากรู้ว่าคีย์เวิร์ดหรือหัวข้อที่เราต้องการเขียนถึงนั้น กำลังได้รับความสนใจในพื้นที่ไหนบ้าง เราสามารถใช้ฟีเจอร์ Subregion เพื่อดูความสนใจเหล่านั้นได้ เช่น ถ้าเราจะเปิดธุรกิจเต็นท์รถมือสอง เราอาจจะลองเข้าไปดูว่าจังหวัดไหนบ้างที่กำลังสนใจเรื่อง รถกระบะมือสอง เป็นพิเศษหลังจากนั้นจึงค่อยวางแผนการการสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่นั้น ๆ เพื่อสนับสนุนการทำ Local SEO และเพิ่ม Traffic รวมถึงโอกาสเติบโตได้ในอนาคต แล้วจึงค่อยทำคีย์เวิร์ดนั้นมาปรับเนื้อหาด้านในบทความเราอีกที

สรุป Google Trends

Google Trends เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ง่ายๆ  ผู้ประกอบการ ควรเรียนรู้ที่จะใช้เป็นตัวแรก ๆ เพื่อให้เข้าใจใน พฤติกรรมผู้บริโภค ในการค้นหาสิ่งที่สนใจ ในการวาง แผนธุรกิจ หรือวางแผนการทำ การตลาดออนไลน์ หรือ Digital Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น  ยิงแอด การทำโปรโมชั่น ต่างๆ เผื่อให้เกิดความคุ้มค่าของ ต้นทุน ที่ต้องเสียไป ดังนั้น Google Trends จึงช่วยได้อย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นประโยชน์จาก Google Trends ก็ยังมีประโยชน์มากมาย ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะไปปรับใช้อย่างไร โดยเฉพาะนักการตลาด นับเป็นเครื่องมือฟรีที่ทรงพลัง และควรค่าเป็นอย่างยิ่งกับการใช้งาน หากใครยังไม่เคยได้ลองสัมผัสหรือลองใช้ หลังจากอ่านจบก็ไปลงมือทำกันได้เลย โดยเชื่อว่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนสะดวกในการทำงานมากขึ้นเยอะแน่นอน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า